ปั๊มลมในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลากหลาย แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกปั๊มลมให้สอดคล้องกับการใช้งานของคุณในแต่ละประเภท เราสามารถแบ่งประเภทของปั๊มลมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้กันได้ดังนี้

ปั๊มลมระบบสายพาน (Belt Driver Air Compressor)

ทำงานโดยมอเตอร์จะเป็นตัวขับเคลื่อนสายพาน และสายพานจะขับเคลื่อนตัวลูกสูบ เมื่อเกิดลมอัดแล้วจะถูกเก็บไว้ที่ถังด้านล่าง ปั๊มลมให้กำลังประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ได้ฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 เสียงเบา เงียบ ไม่รบกวนบริเวณรอบข้าง แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน สามารถทำงานต่อเนื่องได้ระยะเวลานาน

ดูรายละเอียดสินค้าปั๊มลมระบบสายพาน คลิก!

ปั๊มลมระบบขับตรงแบบใช้น้ำมัน (ปั๊มลมโรตารี่)

เป็นรุ่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายไปใช้งานในที่ต่างๆ กำลังมอเตอร์สูงถึง 3 แรงม้าสร้างลมได้รวดเร็วกว่า เหมาะสำหรับที่กลางแจ้ง มีชุดป้องกันความร้อน และตัดไฟเมื่อไฟเกิน (Overload) กันมอเตอร์ไหม้ มอเตอร์กำลัง 3 แรงม้า ปั๊มลมเต็มถังได้เร็ว หม้อกรองเหล็กขนาดใหญ่ พร้อมไส้กรองเกรดเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ มีตัวปรับแรงดันลม ใช้งานได้ง่าย

ดูรายละเอียดสินค้าปั๊มลมระบบโรตารี่ คลิก!

ปั๊มลมระบบขับตรงแบบไม่ใช้น้ำมัน

หรือที่เรียกว่า ปั๊มลม OS, หรือ Oil Free เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด จุดเด่นคือมีเสียงเงียบ (ประมาณ 55 – 66 เดซิเบล) ไม่ต้องเติมน้ำมันระบายความร้อนจากปีกของเสื้อมอเตอร์ เหมาะกับกลุ่มงานศิลปะ งานพ่นสีด้วยแอร์บรัช (Air Brush) และรังสรรค์งานที่ต้องการลมสะอาด เหมาะกับบ้านที่ไม่ต้องการให้มีเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน และงานลมทั่วไป เช่น การเติมลมยาง การเป่าไล่ฝุ่น การยิงตะปูด้วยปืนลมยิงตะปู เป็นต้น เหมาะกับงานในร่ม มอเตอร์กำลังไฟตั้งแต่ 550 – 750 วัตต์ มอเตอร์ทำจากทองแดงแท้ ประหยัดไฟ ทนทาน ใช้งานได้นาน ช่วงชักลึก ก้านลูกสูบยาว ทำให้ปั๊มลมเต็มถังได้เร็ว เสื้อสูบเคลือบด้วยเทฟลอนอย่างหนา แผ่นระบายความร้อนที่กว่าถึง 63 มิลลิเมตร ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น